triamboy
“ในสังคมการเมืองบ้านเราใน 2 – 3 ทศวรรษที่ผ่านมา การเมืองและการต่อสู้ของคนเล็กๆ ที่อยู่นอกวงการเมืองปกติ หรือประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งได้ซ่อนอยู่ในหลืบ หรือตะเข็บของสังคม เกิดขึ้นและขยายวงออกไปอีกมากมายหลายกรณี จนกลายเป็นชีวิตปกติการเมืองไปแล้ว…
… พลเมืองพันธ์ใหม่จะช่วยกันทำความเข้าใจ ให้พื้นที่และความหมายแก่ชีวิตของผู้คนและการเมืองนอกวงขอบระบบการเมืองปกติ และประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งมากน้อยแค่ไหน อย่างไร”
ประภาส ปิ่นตบแต่ง
ดึกของวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม ประมาณ 2 ทุ่ม ขณะที่ข้าพเจ้าทราบข่าวว่าทางพันธมิตรได้ประกาศคืนทำเนียบให้แก่รัฐบาล และย้ายพลพรรคที่เหลือทั้งหมดไปตั้งมั่นที่สนามบินทั้งสองคือ ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ด้วยเหตุผลหลักสองประการ คือ การปิดล้อมสนามบินทั้งสองสามารถนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่พธม.ต้องการได้มากกว่าโดยเทียบกับการปิดล้อมทำเนียบ ในส่วนหลังนั้นด้วยเหตุผลของการรักษาความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องมาจากทำเนียบนั้นทำได้ยากกว่า
จากที่กล่าวมาข้างต้นทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าในเร็ววันนี้ต้องมีการสิ้นสุดในทางใดทางหนึ่งไม่ว่าจะสงบ หรือรุนแรงในการชุมนุมของกลุ่มพธม. กอปรกับแรงจูงใจจากความใคร่รู้ และต้องการพิสูจน์ด้วยตนเองของข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าผลักตัวเอง และคนรอบข้าง (คุณ Bankngam รวมถึงพี่สาวของข้าพเจ้า) ไปปรากฎ ณ สนามบินสุวรรณภูมิในยามดึกแก่่ๆเกือบห้าทุ่ม ซึ่งโดยส่วยตัวแล้วมีเป้าหมายการเยี่ยมเยียนครั้งนี้ เพื่อต้องการรับรู้ข้อมูล และบรรยากาศจากตัวผู้ชุมนุม และสถานที่จริง นอกเหนือจากการรับรู้ผ่านสื่อกระแสหลักเพียงด้านเดียว หวังว่าตัวเองจะสามารถเข้าใจ และคาดการณ์ในเรื่องนี้ได้ชัดเจนขึ้น และบอกเล่าต่อแก่ผู้ที่สนใจ
การเดินทางครั้งนี้ได้เริ่มต้นจากสยาม ผ่านไปทางบางนา บรรยากาศโดยรอบนอกยังคงดำเนินไปตามปกติ คงมีเพียงบรรยากาศที่ปราศจากชาวต่างชาติที่พลุกพล่านโดยรอบกรุงเทพในช่วงปกติก่อนหน้านี้ รถแท็กซี่ได้นำเราไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ ประตููทางเข้าบางนา สิ่งที่ได้เห็นทำให้ข้าพเจ้าเกิดอารมณ์รู้สึกเหมือนจะมีความรุนแรงจากการการชุมนุมครั้งนี้มากขึ้น เมื่อได้เจอกับกลุ่มของตำรวจ ทหาร และสารวัตรทหารพร้อมอาวุธทุกนาย และรถประมาณห้าสิบนายได้เข้าควบคุม ป้องกันไม่ให้บุคคลมีการผ่านเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิด้านบางนาอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม รวมถึงทำให้พวกเราไม่สามารถเข้าสู่อาคารผู้โดยสาร อันเป็นที่ชุมนุมของกลุ่มพธม.ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าเองไม่ได้เลิกล้มความตั้งใจ และกลับเกิดแรงจูงใจ พยายามที่จะหาทางเข้าถึงการชุมนุมครั้งนี้มากขึ้น ด้วยความช่วยเหลือประสานงานจากคุณ Bankngam เข้าให้เราทราบว่าสามารถเข้าสู่สถานที่ชุมนุมได้เพียงทางเดียว คือ ประตูทางมอร์เตอร์เวย์
ในระหว่างทางที่เรามุ่งหน้าสู่มอร์เตอร์เวย์ จากการปิดกั้นของตำรวจ และทหารนั้น เราได้เจอกับการปิดกั้นถนนที่มุ่งตรงสู่สุวรรณภูมิเกือบทุกเส้นทาง ด้วยเครื่องขีดขวางต่างๆ มีทั้งรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ขนาดยาวสองตู้คอนเทนเนอร์ กรวย ยางรถ และเครื่องห้ามที่มีลวดหนาม เป็นต้น ในเหตุการณ์ที่ใช้รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ปิดถนนยกระดับบางนา – บางปะอิน เราได้เห็นเจ้าหน้าที่การทาง ได้พยายามเข้าจัดการเคลื่อนย้ายรถเพื่อเปิดช่องการจราจร แต่ดูเหมือนไม่เป็นผล คนที่ตั้งใจนำรถมาปิดกั้นคงป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายไว้เป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่สองคนกลับมาขึ้นรถการทางสีส้ม เนื่องจากเห็นว่าคงไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เราต้องลัดเลี้ยวออกไปจากเส้นทางหลัก และดูเหมือนว่าออกห่างจากสนามบินมากขึ้น แต่อย่างไรแล้ว ท้ายที่สุดแล้วด้วยความพยายามของเรา เลยได้เจอกับทางเข้ามอร์เตอร์เวย์ มุ่งตรงสู่สุวรรณภูมิ
ด่านสุดท้ายก่อนเลี้ยวขึ้นทางยกระดับเพื่อเข้าสู่อาคารผู้โดยสาร เราต้องเจอกับแนวกีดขวางของหน่วยรักษาความปลอดภัยของ พธม. เราตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ามีการขอตรวจบัตร แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าตรวจบัตรประชาชน หรือใบขับขี่ ในทางกลับกันเป็นบัตรสมาชิกพันธมิตร และมากกว่านั้นเราพบว่าคนขับแท็กซี่ที่นำเรามาสู่สุวรรณภูมิเป็นกลุ่มเสื้อแดง นั้นหมายความว่าไม่มีบัตรสมาชิกพธม. สิ่งที่เกิดขึ้นพบว่า ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพธม. ไม่อนุญาตให้รถเราเข้าไป และขอให้เราลงจากรถ ทุกคนงง และสงสัยว่าจะทำอย่างไรต่อไป ต้องเดินเข้าไปหรือเปล่า เลยสอบถามไปได้รับคำตอบมาว่า คงเดินไปไหวหรอก ระยะทางตั้ง 3 กิโลกว่า เดี๋ยวพี่เรียกรถให้เข้าไป เราก็ค่อนข้างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ แต่ก็ยังไม่แคล้วสงสัยว่าแล้วรถใคร รถอะไร พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินเข้ามาหาเรากำลังล้วงมือในกระเป๋า เหมือนกับว่าจะเสนออะไรบางอย่างให้เรา เจ้าหน้าที่คนนี้ได้เสนอส้ม “ส้มพันธมิตร” สามลูกให้เรา และพยายามให้เรารับมันไว้ เราทั้งสามจึงรับส้มไว้ หลังจากนั้นมีรถเก๋งสี่ประตูยี่ห้อฮอนด้าคันหนึ่งกำลังเลี้ยวเข้ามา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มเดิมเข้าแจ้งให้ปิดไฟหน้ารถ พร้อมเปิดไฟผ่าหมาก และขอตรวจบัตรเช่นเดิม คนขับแสดงบัตรและได้รับการอนุญาตให้เข้าไปได้ ก่อนเข้าไปเจ้าหน้าที่ขอให้คนขับนำพวกเราทั้งสามไปยังกลุ่มผู้ชุมด้วย ทางคนขับรับปากด้วยความเต็มใจ ไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย และเชื้อเชิญให้เราขึ้นรถ เราจึงรีบขึ้นรถอย่างรวดเร็ว รถออกมาได้ประมาณ 30 เมตรต้องเจอกับด่านตรวจค้น มีเจ้าหน้าที่ 5 คนเข้ามาประชิดประตูทั้ง 4 พร้อมกับประโปรงรถ เปิดประตูทั้งห้า ใช้ไฟฉายส่อง และสายตาตรวจสอบสิ่งผิดปกติ สิ่งอันตรายที่อาจเข้ามาโดยตั้งใจสร้างความเสียหายแก่ผู้ชุมนุม ด้วยพี่ รถของพี่คนนั้น และเราทั้ง 3 ไม่มีสิ่งผิดปกติจึงผ่านไปได้ด้วยดี เราทั้งสามเริ่มเปิดบทสนทนาทำความรู้จักกับพี่คนขับ ในขณะเดียวกันข้าพเจ้าเชื่อว่า ทั้งสามคนตื่นเต้น และจินตนาการถึงสิ่งที่เรากำลังจะได้พบเห็นในเวลาอันใกล้นี้
รถจอดสนิท ณ อาคารที่จอดรถ ติดกับอาคารผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ เราทั้งสามลงจากรถ ยืนรอพี่คนขับเพื่อที่จะเดินเข้าไปด้วยกัน พี่คนนี้มีอุปกรณ์ครบทุกอย่างเท่าที่จำเป็น มีผ้าเหลืองพธม.โพกหัว ผูกแขน ถุงนอน และหมอน ระหว่างที่ทุกคนเดินเข้าสู่อาคารผู้โดยสาร เริ่มมีเสียงของการปราศัยดังเข้ามา ดังเข้ามามากขึ้น พร้อมกันนั้นเองเราได้มีโอกาสทำความรู้จักพี่คนขับมากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับพี่คนขับคนนี้น่าสนใจมาก ดังนี้ เป็นคนชลบุรี เป็นคนที่มาร่วมการชุมนุมตั้งแต่ทำเนียบรัฐบาลจนกระทั่งย้ายมาสุวรรณภูมิ เป็นคนที่กำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก วิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เราเดินเรื่อยมาจนถึงอาคารผู้โดยสาร และถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกับพี่คนขับ เราขอบคุณพี่คนขับมาก แล้วเริ่มต้นการสำรวจการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่บ้านหลังใหม่ และหลังสุดท้ายในช่วงเวลานี้
พวกเราเริ่มต้นจากการไปหาผู้นำทาง ณ ที่นัดพบหน้าประตู 7 มากกว่านั้น สิ่งที่เราได้พบเห็น คือ ภาพของผู้เข้าร่วมชุมนุมทั้งนั่ง และนอนหลับอยู่เต็มถนนหน้าอาคารผู้โดยสาร และภายในอาคารผู้โดยสาร ใช้พื้นที่เฉพาะส่วนของผู้โดยสารขาออก มีประปรายบ้างในชั้นอื่น มีการจัดการมวลชนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ได้มีการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ต่อจากจุดตรวจผู้โดยสารขาเข้า มีการกั้นพื้นที่แบ่งแยกสองส่วนอย่างชัดเจน ส่วนพักผ่อนในอาคารผู้โดยสาร ที่นอนถูกจัดเป็นแถว สลับกับทางเดินขนาดกว้างอย่างเป็นระเบียบ ส่วนการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงประตูเข้าออก หน้าห้องน้ำ พร้อมการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด มากกว่านั้นในส่วนชั้นหนึ่งของอาคารผู้โดยสารเป็นพื้นที่บริการแท็กซี่สำหรับผู้ร่วมชุมนุมในการเดินทางกลับ โดยแท็กซี่พันธมิตรพร้อมบริการปราศจากเงื่อนไขปลายทาง
ภายในพื้นที่การชุมนุมเห็นได้ชัดว่ามีการบริหารจัดการคนถูกวางแผนไว้อย่างดี มีการแบ่งคนโดยสมัครใจเพื่อทำหน้าที่ต่างกัน ทั้งส่วนรักษาความปลอดภัย และส่วนสวัสดิการ หรืออาหารเครื่องดื่ม ผู้ชุมนุมจะอาสาสมัครผลัดเปลี่ยนกันมาทำหน้าที่ ยกตัวอย่างส่วนสวัสดิการที่เห็นได้ชัดเจนว่า มีทั้งฝ่ายบริการเครื่องดื่มอาหารว่าง โดยประกอบด้วย กาแฟ โอวันติน นม รวมถึงขนมปังต่างๆ ฝ่ายอาหารหลัก มีทั้งข้าว กับข้าวต่างๆ ข้าวต้ม รวมถึงของหวาน สำหรับวันนั้นเป็นขนมครก ผู้ชุมนุมที่สมัครใจเข้ามาทำหน้าที่จะให้บริการผู้ชุมนุมอย่างเต็มใจ ผู้ชุมนุมที่รับบริการมีวินัยในการรับบริการอย่างมากมีการเข้าแถวต่อกันเพื่อรับบริการตามลำดับก่อนหลัง การบริการสวัสดิการถูกจัดไว้โดยรอบพื้นที่ชุมนุม และมีอย่างเหลือเฟือจากผู้สนับสนุน นอกเหนือจากการให้การสนับสนุนอาหาร และเครื่องดื่มจำนวนมากแล้ว ที่น่าแปลกใจมากนั้น คือ การให้การสนับสนุนแผนพลาสติก หรือฟรอยด์ที่เป็นฉลากของสินค้าต่างๆ รวมถึงแผ่นปิดบะหมีกึ่งสำหรับเร็จรูปชนิดคัพจำนวนมากใช้สำหรับการปูพื้นเพื่อการชุมนุม และพักผ่อนของกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างแพร่หลาย
หากกล่าวถึงบรรยากาศการชุมนุมภายในสนามบินนั้น เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้เขียนขออธิบายแยกเป็นสองส่วน คือ บรรยากาศของแกนนำพันธมิตร และบรรยากาศของผู้เข้าร่วมการชุมนุม สำหรับกลุ่มคนส่วนแรกนั้นข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าคนส่วนใหญ่คงเข้าใจพอสมควรว่า บรรยากาศการชุมนุมในส่วนของแกนนำพันธมิตรนั้นเป็นไปด้วยความคึกคัก ทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ในเชิงปริมาณนั้นกล่าวได้ว่ามีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนบรรดาแกนนำขึ้นเวทีทำกิจกรรมต่างๆทั้งการปราศัย และสร้างความบันเทิงผ่อนคลายตลอด 24 ชั่วโมง มากกว่านั้น หากพิจารณาในเชิงคุณภาพแล้ว พบว่า มีความเข้มข้นสูงในระดับหนึ่ง คือ กิจกรรมบนเวที หรือรายการที่หลากหลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ตนเอง และสมาชิก มีทั้งการตีแผ่ข้อเท็จจริงต่างๆ การแจ้งข่าวความคืบหน้าทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ทั้งจากสื่อกระแสหลัก และกระแสรอง การแจ้งการช่วยเหลือสนับสนุนจากทั้งใน และนอกประเทศ ทั้งสิ่งของ และเงินทุน รวมถึงกิจกรรมบันเทิงที่สอดแทรกเนื้อหา เพื่อสร้างความผ่อนคลาย การร้องเพลงปลุกใจ – เราสู้ เป็นต้น นอกเหนือจากกิจกรรมที่หลากหลายแล้ว พบว่า กิจกรรมมีรูปแบบการเรียงลำดับอารมณ์สู่จุดที่สูงขึ้นในแต่ละช่วงเวลาหนึ่ง นั้นคือ เริ่มต้นจากการให้แกนนำรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2 และ 3) รวมถึงแขกรับเชิญจากภายนอกทั้งที่อยู่ฝ่ายเดียวกัน หรือวางตัวเป็นกลาง ซึ่งมีความสำคัญน้อยกว่า ทำหน้าที่สร้างสรรค์กิจกรรมบนเวทีตามความถนัด ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือตามบทบาทในสังคมปกติ และใช้เวลาส่วนใหญ่ของกิจกรรมทั้งหมดในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น วัน, ช่วงเช้า, ช่วงเที่ยง) หลังจากนี้จะเป็นช่วงกิจกรรมที่สำคัญในช่วงเวลานั้นั้น คือ การเปิดโอกาสให้ผู้ชุมนุมได้พบปะแกนนำพันธมิตรผ่านการปราศัยโดยมีเนื้อหาที่เข้มข้น และเป็นเนื้อหาหลักของการทำกิจกรรมที่ผ่านมาในช่วงเวลานั้น และมากกว่านั้นช่วงนี้ยังใช้เวลาน้อยมากเมื่อเทียบกับเวลาการทำกิจกรรมทั้งหมดในหนึ่งช่วงเวลา
ในอีกทางหนึ่งเมื่อพิจารณาถึงบรรยากาศของกลุ่มคนในส่วนหลัง หรือผู้เข้าร่วมการชุมนุม พบว่า สามารถแยกอธิบายได้เป็นสองกลุ่มหลัก คือ กลุ่มแรก คือ ผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมโดยมีจุดร่วมเดียวกับแกนนำพันธมิตรทั้งหมด หรือเป็นส่วนใหญ่ และในส่วนหลังคือ ผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมโดยมีจุดร่วมเพียงบางส่วนกับแกนนำพันธมิตร และมีจุดยืน หรือความต้องการของตนเอง นอกเหนือจากความต้องการของแกนนำ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้ว พบว่า บรรยากาศการชุมนุมของผู้ชุมนุมกลุ่มแรกนั้นเป็นไปในลักษณะของการคล้อยตามสาร ข้อมูลของแกนนำเป็นส่วนใหญ่ ให้ความสนใจการรับสารจากแกนนำเป็นอย่างมาก สังเกตได้ว่าส่วนใหญ่ของกลุ่มอยู่ในพื้นที่ ที่สามารถรับชมภาพ และฟังเสียงของแกนนำได้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่บริเวณหน้าเวทีทั้งสองด้าน มากกว่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วการตอบสนองการรับสารของผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ยังสามารถสังเกตได้ชัดเจนจากปฏิกิริยาต่างๆ อาทิ การตะโกนโห่ร้อง และที่รู้จักกันดีคือ การใช้มือตบ (เครื่องสร้างเสียงเสมือนตบมือ แต่ดังกว่า) ตอบรับสารในเกือบทุกจังหวะ
ในทางกลับกันกลับพบว่าบรรยากาศของผู้ชุมนุมกลุ่มหลังเป็นไปในอีกรูปแบบหนึ่ง คือ ไม่ได้คล้อยตาม หรือเห็นด้วยกับสาร ข้อมูลทั้งหมด หรือโดยส่วนใหญ่ที่แกนนำพันธมิตรส่งมา คือ เห็นด้วยเพียงบางส่วน หรืออย่างน้อยสุดเพียงประเด็นเดียวกับสาร หรือข้อมูลที่ได้รับจากแกนนำ และที่สำคัญกว่านั้นผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ เข้าร่วมการชุมนุมเพื่อแสดงออก ปฏิบัติเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนเพื่อให้รัฐบาลได้รับรู้ เข้าใจ และตอบสนองกลับ ว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำบางอย่างของรัฐ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ไม่เห็นด้วยกับการกระทำทุกอย่างของรัฐบาลตามที่ได้ถูกนำเสนอโดยแกนนำ และทีมงาน มากกว่านั้น สำหรับบางคนที่เข้าร่วมการชุมนุมไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล โดยมีแรงจูงใจจากประสบการณ์ตรงที่ได้รับจากการจัดสรรรทรัพยากรไม่เป็นธรรม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้คนที่ถูกผลักออกจากกระแสหลัก หรือประชาธิปไตยที่อ้างเสียงส่วนใหญ่ กอปรกับลักษณะสำคัญบางประเด็นคือ ประเด็นเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำเสนอเป็นประเด็นเรียกร้องจากแกนนำ แต่เวทีนี้ พื้นที่นี้ พื้นที่การชุมนุมได้เปิดโอกาสให้คนเหล่านี้ คนชายขอบได้รวมตัวกันเป็นเครือข่าย เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคมที่เขาเหล่านี้เป็นสมาชิกส่วนน้อย แต่เมื่อรวมกันแล้วเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งเพื่อให้สังคมได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของคนชายขอบ และปัญหาของเขาเหล่านี้) เห็นได้ชัดว่าผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ไม่ได้ให้ความสนใจ รวมถึงพยายามติดตามสาร ข้อมูลต่างๆจากแกนนำ ขอเพียงมาร่วมนั่งแสดงออกตามวัตถุประสงค์ของตนเอง และสามารถสังเกตได้จากสถานที่ในการชุมนุมของคนกลุ่มนี้ คือ จะอยู่ในพื้นที่โดยรอบนอกเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงพื้นที่ที่ไม่มีการติดต่อสืื่อสารกับแกนนำทั้งโดยตรง (ผ่านการรับชม และฟังหน้าเวที) และโดยอ้อม (ผ่านการรับชมผ่านทีวี และวิทยุ) อาทิเช่น อาคารผู้โดยสาร เป็นต้น สุดท้ายผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ไม่ได้แสดงออกถึงปฎิิกิริยาตอบสนองต่อสารที่ได้รับจากแกนนำอย่างเป็นรูปธรรมอย่างในกรณีของผู้ชุมนุมกลุ่มแรกที่มีการโห่ร้อง และรวมถึงการใช้มือตบ ในทุกจังหวะของกิจกรรมของแกนนำ
ท้ายสุดหากให้กล่าวถึงจำนวน พธม. ทั้งหมดแล้ว ณ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ พบว่า ไม่ได้มีจำนวนมาก จากการประมาณคร่าวๆ จากพื้นที่แล้ว พบว่าจำนวนผู้ชุมนุมในวันนั้นมีประมาณ 5-6 พันคน และส่วนใหญ่ของผู้ชุมนุมทั้งหมดเป็นผู้ชุมนุมประเภทหลัง
บันทึกของข้าพเจ้าฉบับนี้ เป็นบันทึกในฐานะผู้สังเกตการณ์คนหนึ่ง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยตั้งใจที่จะรวบรวมข้อมูลการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากพื้นที่โดยตรง นอกเหนือจากการรับรู้ผ่านสื่อกระแสหลักอย่างวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์์ และสื่อหลักบนอินเตอร์เน็ต เพื่อช่วยให้การรับรู้ และเข้าใจเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ชัดเจนมากขึ้น จากข้อมูลรอบด้าน อย่างน้อยเสียแล้วประวัติศาสตร์ในช่วงที่คนรุ่นเรายังมีอยู่ซึ่งชีวิตจะถูกรับรู้ เข้าใจ และบันทึกอย่างสมบูรณ์มากขึ้น รวมทั้งถูกถ่ายทอดต่อยังคนรุ่นต่อไป เพื่อการตัดสินใจ การก้าวไปข้างหน้าของพื้นที่ที่เรียกว่าประเทศไทยได้อย่างมั่นคงมากขึ้น