triamboy
เมื่อวานยามบ่าย หลังจากที่ได้รับประทานอาหารเที่ยงเสร็จข้าพเจ้าได้มีโอกาสนำหน่วนความจำภายนอกขนาด 150 กิกะไบต์มาสำรวจดู ได้มีโอกาสดูรูปเก่าๆมากมายอีกครั้ง ทำให้รำลึกถึงความหลังต่างๆมากมาย มากกว่านั้นได้มีโอกาสเปิดดูไฟล์สารคดีประเทศอาร์เจนตินาเมื่อปี 2545 ที่บันทึกเอาไว้โดยปราศจากการเปิดดูมาก่อน จากการสำสรวจ พบว่า ได้ประหลาดใจกับบรรยากาศของเกษตรกรชาวอาร์เจนตินาหลายกลุ่มได้ออกมาร้องป่าว ตะโกน พร้อมกับตีถังใส่่นมขนาดใหญ่ 20 ลิตร นอกเหนือจากนั้นยังพบว่ามีการเผายางรถยนต์ที่ไม่ได้ใช้แล้วตลอดสองข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันสีดำจากมันเอง เหมือนกับว่าพวกเขาเหล่านี้ต้องการสื่อสารอะไรสักอย่างกับผู้คนที่ผ่านไปมาได้รับรู้
จากการสำรวจจึงพบว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเหล่านี้ออกมาเรียกร้องความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากรแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ เกษตรกรเอง ที่ถูกเอาเปรียบจากร้านสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในเมือง โดยเขาเหล่านั้นต้องขายนมโคให้ห้างสรรพสินค้าในราคาลิตรละ 0.06 เปโซ (1.2 บาท) ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าเหล่านี้นำนมโคเหล่านี้ไปขายในราคาลิตรละ 1.2 เปโซ (24 บาท) ซึ่งห่างกันถึง 20 เท่า หรือ 2000 % ลองตระหนักดูว่าถ้าเหตุการณเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศไทยมันจะหดหู่ขนาดไหนถึงความไม่ยุติธรรมที่ชัดเจนขนาดนี้ เราจะแค่ออกมาตีถังใส่นมข้างถนนเหรอ ผู้เขียนคิดว่าคนไทยคงต้องเรียกร้องและต่อสู้มากกว่านี้
อาร์เจนตินาเป็นประเทศหนึ่งที่เพิ่งประสบกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ เมื่อปี ค.ศ. 2000 หลังจากการเปิดให้มีไหลเวียนของเงินทุนอย่างเสรี และต่อเนื่องจากการเกิดวิกฤตของแม็กซิโกในปี 1994 ไทยและเอเชียตะวันออก ในปี 1997 รัสเซียในปี 1998 บราซิลในปี 1999 และตุรกีในปี 2000 พร้อมกับอาร์เจนตินา และเหยื่อรายต่อไปในอนาคตที่ไม่แน่นอน ประเทศเหล่านี้เป็นตัวอย่างของผลลัพธ์เชิงประจักษ์ที่หลายคนได้ทราบกันเป็นอย่างดี โดยมีสาเหตุหลักมาจาก “ฉันทามติวอชิงตัน” ที่ประกอบด้วย 5 นโยบายหลักดังนี้
1. เปิดเสรีการค้าและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยการส่งออก
2. เปิดเสรีตลาดการเงินและเคลื่อนย้ายทุนการเงินอย่างเสรี
3. มาตรการเข้มงวดทางการเงินการคลัง
4. การแปรรูปกิจการ
5. ความยืดหยุ่นของตลาดแรงงาน
อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่ปฏิบัติตามฉันทามติอย่างเคร่งครัด และรวดเร็ว โดยการเปิดเสรีการเงิน รื้อทิ้งอุปสรรคทางการค้า การลงทุน แปรรูปกิจการทั้งของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน สร้างความยืดหยุ่นแก่ตลาดแรงงาน ดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรึงกับค่าเงินดอลลาร์อเมริกา รวมทั้งดำเนินนโยบายการเงินและการคลังอย่างเข้มงวด เรียกได้ว่า ทำตามบทเรียนทุกกระเบียดนิ้ว ยังไงเสียแล้วผลลัพธ์ได้ปรากฎชัดแก่สายตาชาวโลกทุกวันนี้
เดิมทีเป็นประเทศอาร์เจนตินา (ชนชาติอาร์เจนตินาเป็นเจ้าของ) ที่รำ่รวยมาก เนื่องมาจากทรัพยากร หรือทุนจำนวนมหาศาล พื้นที่ที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าประเทศอินเดีย ประชากรเกือบ 100 ล้านคน ตัั้งแต่การดำเนินนโยบายตามฉันทามติวอชิงตัน บางอย่างได้เปลี่ยนไปเป็น อาร์เจนตินาเป็นประเทศ (หลายชนชาติเป็นเจ้าของ) ที่รำ่รวยมาก เนื่องมาจากทรัพยากร หรือทุนจำนวนมหาศาล พื้นที่ที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าประเทศอินเดีย ประชากรเกือบ 100 ล้านคน หรือมีการเปลี่ยนความเป็นเจ้าของทุนเกิดขึ้น ประเทศไม่ได้หมายความว่าต้องมีชนชาตินั้นชนชาติเดียวที่ดำเนินกิจกรรมทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง หรือประเทศไม่ได้หมายถึงอัตลักษณ์อย่างเดิมที่เราเข้าใจ คือ ประเทศนั้นต้องมีชนชาติหลัก มีภาษาประจำชาติ มีการแต่งการประจำชาติ มีทุนวัฒนธรรมประจำชาติต่างๆ เป็นต้น จากนโยบายหลักทั้ง 5 ส่งเสริม ผลักดัน และทำให้ความเป็นเจ้าของทุน (ทรัพยากร วัฒนธรรม ฯลฯ) ได้เปลี่ยนไปโดยผ่านวิธีการที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ การแปรรูปกิจการของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งเอกชน จากเดิมทีที่ประชาชน ชนชาตินั้นเป็นเจ้าของร่วมกันทั้งประเทศผ่านการตัดสินใจดำเนินการโดยรัฐ มาเป็นของชนชาติอื่น อาจจะเพียงคนเดียว หรือหลายคน รวมทั้งของชนชาติอื่นทั้งประเทศผ่านกองทุนความมั่งคั่งแต่ละประเทศที่มีรัฐของชนชาตินั้นดำเนินการ จากกรณีของประเทศอาร์เจนตินา พบว่า มีการแปรรูปกิจการที่มีอยู่เกือบทุกอย่างทั้งของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนให้แก่ “ชนต่างชาติ” อาทิ
สินค้าสาธารณะ
ไฟฟ้า ทั้งประเทศมีการแปรรูปให้แก่ชนต่างชาติทั้งหมด ดังนี้ ทางเหนือแปรรูปให้แก่สเปน และฝรั่งเศส ทางใต้ให้แก่อเมริกา และชิลี พื้นที่ชายฝั่งให้แก่ชิลี
ถนน ถนนทางหลวงทั้งประเทศแปรูปให้แก่ชนต่างชาติ หลายชนชาติ ทำให้เกิดปัญหา อุปสรรคจากการเก็บค่าผ่านทางหลายต่อ หลายราคาในระดับสูงตามความเป็นเจ้าของ
รถไฟ มีการแปรรูปสองสายหลัก คือ สายที่ 1 ยาวกว่า 4600 กิโลเมตร สายที่ 2 ยาวกว่า 3000 กิโลเมตร
การบิน มีการแปรรูปสายการบินแห่งชาติให้แก่ชนต่างชาติ และเปิดเสรีการทำกิจการให้บริการการบินพาณิชย์
ประปา แปรรูปกิจการทั้งประเทศให้แก่ชนต่างชาติ
นำ้มัน ขายสัมปทานน้ำมันสำรองทั้งหมดที่มีในประเทศ ทั้งบนบก และทะเลกว่า 21000 ล้านบาร์เรล
โทรศัพท์ แปรรูปกิจการทั้งหมดแก่ชนต่างชาติ
ที่ดิน พบว่าขายที่ดินกว่า 51% ของเนื้อที่ประเทศให้แก่ชนต่างชาติ
ฯลฯ
สินค้าเอกชน
ที่ดิน ขายที่ดินแก่ชนต่างชาติเกือบหมด ต้องอาศัยกันในสลัม
วัว, ม้า, ไก่ มีการนำมาประมูล ณ ศาลาประมูลที่สามารถพบเห็นได้ทั่วในชุมชุนของอาร์เจนตินา
ธนาคารพาณิชย์
สื่อโทรทัศน์ วิทยุ
ฯลฯ
มากกว่านั้นยังแก้ไขกฎหมายเพื่อสนับสนุนการแปรรูปกิจการทุกอย่าง และทำลายกิจการที่มีอยู่ จากการแข่งขันของชนต่างชาติ เช่น
การตั้งร้านขายปลีกขนาดใหญ่ของ Carrfour (ฝรั่งเศส) พบว่ามีสาขาทั้งหมดกว่า 377 สาขา (พ.ศ.2545) สำหรับประชากร 37.3 ล้านคน (พ.ศ.2545)
ข้อสังเกต
มีประเทศที่ออกกฎหมายเพื่อป้องกันการค้าปลีกขนาดใหญ่ 170 ประเทศ (รวมถึงฝรั่งเศสเอง)
ทีประเทศที่ไม่ได้ออกกฎหมายเพื่อป้องกันการค้าปลีกขนาดใหญ่ 24 ประเทศ (รวมถึงอาร์เจนตินา และไทย)
ในกรณีของฝรั่งเศสนั้นมีการตรากฎหมายการป้องกันกรค้าปลีกขนาดใหญ่ โดยกำหนดไว้ว่า ในเขตพื้นที่ หรือรัศมีที่จะจัดตั้งร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ต้องมีจำนวนประชากรมากกว่า 40,000 คน ถ้าหากมีจำนวนประชากรน้อยกว่า 40,000 คนจะต้องตั้งกรรมมาธิการพิจารณาที่มาจากคนในท้องที่นั้น เพื่อพิจารณาการจัดตั้ง
จากกรณีของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่ออกมาประท้วงข้างถนนด้วยวิธีการต่างๆ นั้นสาเหตุหลักมาจากการพยายามสื่อสาร เรียกร้องความไม่ยุติธรรมผ่านช่องทางที่สามารถทำได้ ในขณะที่ผู้ทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริง ร้องเรียนรัฐบาล ชี้นำสังคม คือ “สื่อ” ของชนต่างชาติ กลับเพิกเฉยต่อการเรียกร้องของชนชาติเดิม มากกว่านั้นยังบิดเบือนการนำเสนอโดยไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ทำให้ชนชาติเดิมในประเทศมีโอกาสน้อยมากในการติดต่อสื่อสารกับรัฐบาลที่เป็นชนชาติเดียวกัน เสมือนสภาวะสุญญากาศระหว่างชนชาติเดียวกัน ก่อนที่จะสูญสิ้นความเป็นชนชาติเดียวกันในอนาคต
จากการแปรรูปกิจการทั้งประเทศจะนำมาซึ่งความสูญสิ้นของชนชาติเดียวกัน คือ ไม่ความสามารถดำเนินกิจกรรมทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองตามความต้องการของชนชาติเดียวกันได้ อาทิ
กิจกรรมทางสังคม
อุปสรรคจากความเป็นเจ้าของของชนต่างชาติ ได้แยกสังคมออกเป็นส่วนย่อย มีการปฏิสัมพันธ์น้อย ไม่สามารถแลกเปลี่ยนทุน เช่น สินค้า ทรัพยากร ข้อมูล ความสัมพันธ์ ความสนิทสนน เป็นต้น เนื่องจากการแลกเปลี่ยนทุนพวกนี้ต้องมีต้นทุนจำนวนมาก คือต้นทุนการเข้าถึงในระดับสูง เช่น ค่าผ่านทางหลายด่านจากการใช้ถนนของเอกชนชนต่างชาติ สื่อที่เป็นของชนต่างชาติที่นำเสนอเพียงดานที่เจ้าของต้องการเพื่อผลประโยชน์ชนต่างชาติด้วยกัน เป็นต้น ทำให้เกิดแรงจูงใจท่ีต้องละทิ้งการดำเนินกิจกรรมทางสังคม (การบริโภคสินค้าทางสังคมในระดับตำ่มาก) จึงมีแนวโน้มของการปฏิสัมพันธ์ลดลง และเสี่ยงต่อการแตกสลายของสังคม สูญสิ้นความเป็นสังคมชนชาติเดียวกัน
มากกว่านั้น พบว่าสังคง และองค์ประกอบทางสังคมกำลังถูกสร้างขึ้นมาใหม่ หรือกล่าวได้ว่าเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ ตามความต้องการของเจ้าของทุนชนต่างชาติ ที่ไม่ค่อยจะคำนึงถึงทุนสังคมในอดีต อาทิ วัฒนธรรม ศิลปะ ประเพณี เป็นต้น ผ่านสื่อ วัฒนธรรมจากการดำเนินกิจการ ธุรกิจ โดยที่ชนชาติเดิมมีโอกาสในการต่อรองทางสังคมน้อยมาก ได้แต่เพียงพยายามเขียน รักษาประวัติศาสตร์เดิมให้เหลือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
กิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ด้วยปัจจัยความเป็นเจ้าของทุนของชนต่างชาติ ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องเป็นไปตามเจ้าของทุนชนต่างชาติ ที่มีเป้าหมายหลักของการเคลื่อนย้ายผลกำไรกลับสู่ประเทศแม่ เสมือนรูปแบบการพัฒนาการขั้นสูงกว่าของลัทธิพาณิชย์นิยม และลัทธิล่าอาณานิคมในอดีต ชนชาติเดิมที่เป็นเพียงอดีตเจ้าของทุน มีทางเลือกเดียวที่สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ คือ ลูกจ้าง เป็นลูกจ้างเกือบทั้งประเทศ ที่มีความยืดหยุ่นของแรงงานมาก จนเรียกได้ว่าไม่มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ จะถูกจ้าง หรือออกจากงานเป็นเรื่องปกติมาก มากกว่านั้นยังเป็นลูกจ้างที่ไม่มีอำนาจในการต่อรอง ทั้งส่วนบุคคล การรวมตัวเป็นสหภาพแรงงาน แม้กระทั่งรัฐบาลชนชาติเดียวกัน
กิจกรรมทางการเมือง
เมื่อปัจจัยทุนทั้งหลายเป็นของชนต่างชาติเกือบทั้งสิ้น การเมืองที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของชนชาติเดิม เป็นเพียงการอ้างความชอบธรรมของนักการเมืองชนชาติเดิมเดียวกัน เพื่อความอยู่รอดของนักการเมือง ในขณะที่ความเป็นเจ้าของทุนตกเป็นของชนต่างชาติ ทางเลือกเดียวเพื่อความอยู่รอดที่มีอยู่จึงไม่ต่างอะไรจากประชาชนทั่วไป นั่นคือ ลูกจ้าง ลูกจ้างของชนต่างชาติ ไม่ใช่ลูกจ้างของชนชาติเดิมเดียวกัน แต่อาจเป็นตรรกะที่ถูกต้องก็ได้ ถ้าพิจารณาว่าต้องปกป้องผลประโยชน์ของเจ้าของทุน และเพิกเฉยต่ออดีตเจ้าของทุน (เสมือนหน้าที่ของผู้บริหารบริษัท) การเมืองไม่มีประสิทธิภาพสำหรับคนชนชาติเดิม ไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์ ความยุติธรรมให้กับชนชาติเดิม ไม่ตอบสนองต่อความต้องการของชนชาติเดิมที่มีเพียงทุนแรงงาน และทุนความคิดอย่างเดียวที่เหลืออยู่ติดตัวอยู่ กลับตอบสนองต่อความต้องการของชนต่างชาติ ดังนั้นจึงพบว่าการเมืองจึงไม่ใช่ทางเลือก หรือทางออกของชนชาติเดิมอีกต่อไป ถ้าหากบริบทยังเป็นของเจ้าของทุนอย่างเดียว ไม่ได้เป็นไปเพื่อบริบทของประเทศที่มีลูกจ้าง (ทุนแรงงาน) ที่เป็นชนชาติเดิม และเจ้าของทุนที่เป็นชนต่างชาติ ถ้าหากชนชาติเดิมในประเทศถูกบีบให้จนตรอกแล้ว เป็นไปได้สูงมากที่ความเป็นเจ้าของอาจจะกลับมาเป็นของชนชาติเดิมอีกครั้ง ด้วยการทำสงครามครั้งสุดท้าย การลุกฮือเพื่อต่อต้านชนต่างชาติ และการเมืองที่ตอบสนองต่อชนต่างชาติที่มีทุนจำนวนมาก
จากที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น พบว่าชนชาติเดิมในพื้นที่ประเทศเดียวกันนี้มีแนวโน้มที่จะสูญสิ้นความเป็นชนชาติเดียวกัน ซึ่งกำลังจะกลายเป็นอัตลักษณ์ในรูปแบบเดิมของพื้นที่นี้ที่มีภาษาประจำชาติ วัฒนธรรมประเพณีประจำชาติ ธงประจำชาติ มีประวัติศาสตร์ของชนชาตินี้ในพื้นที่นี้ เป็นต้น ในทางกลับกันพบว่า ในพื้นที่เดียวกันนี้ เรากำลังจะมีชนต่างชาติหลายชนชาติเข้ามาเป็นองค์ประกอบการดำเนินกิจกรรมทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง กำลังสร้างอัตลักษณ์ใหม่ในพื้นที่นี้ ที่มีชนหลายชาติ มีภาษาหลายภาษาประจำพื้นที่ มีธงหลายชาติประจำในพื้นที่เดิมนี้ มีวัฒนธรรมประเพณีหลายชาติ มีประวัติศาสตร์ของชนหลายชาติในพื้นที่เดียวกันนี้ที่กำลังถูกเขียนขึ้นใหม่เพียงด้านเดียว หรือว่าเรากำลังต้องการ