triamboy
สองสาวลาว
ชื่อภาพ – สองสาวรักษ์ศาสนา และรักเงิน
คำอธิบาย – สองสาวลาวผู้ซึ่งทำหน้าที่ดูแลรักษาวัดร่องขุ่น วัดร้างสีขาวตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาคู่กับพระธาตุพูสี สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวเมืองหลวงพระบางนั่นเอง ด้วยงบประมาณที่ขาดแคลนทำให้วัดร่องขุ่นถูกปล่อยร้างเอาไว้ ปราศจากการดูแลจากหน่วยงานของรัฐ รวมถึงไม่มีพระจำพรรษาด้วย
สองสาวลาวในรูปซึ่งทำหน้าที่ดูแลเก็บค่าผ่านทางจำนวนห้าพันกีบ อยู่ ณ เชิงบันไดทางขึ้นวัด ได้เสนอตัวเป็นมัคคุเทศน์ เพื่อที่จะแนะนำ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัดให้กับข้าพเจ้า ระหว่างที่สองสาวลาวพักผ่อนกายพิงฝนังของโบสถ์นั้นเป็นจังหวะที่ทำให้ข้าพเจ้าได้รูปนี้มา
หลังจากที่ข้าพเจ้าสำรวจ ชมความงามไปรอบๆวัดจนเป็นที่อิ่มเอมใจแล้ว ได้เวลาที่ต้องลงจากภูเขาและบอกลาเธอทั้งสอง สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เขียนเป็นอย่างมากไม่ใช่การเอ่ยคำลา แต่เป็นการเริ่มต้นการสนทนาเรื่องใหม่ นั่นคือ การเอ่ยปากขอ “เงิน” ด้วยเหตุที่ว่าเป็นต้นทุนของการนำเที่ยว รวมถึงช่อดอกไม้ในมือของทั้งสองที่เตรียมไว้ให้สำหรับการสักการะพระผู้มีพระภาคเจ้า
ตอนจบจะเป็นอย่างไรนั้นไม่สำคัญ จากการนั่งทบทวนของผู้เขียนช่างน่าสงสารความไร้เดียงสาของเด็กสาวลาวทั้งสองผู้นี้ ที่ทำให้แรงจูงใจของตนเองถูกกำหนดด้วยเงิน หรือกล่าวได้ว่าตกเป็นทาสน้ำเงิน ไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ของโลก ท่ามกลางบรรยากาศการเปลี่ยนผ่านสู่กระแสทุนนิยมของประเทศ คนลาวทุกคนต้องการเงินเพื่อนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าทันสมัยเพื่อความสะดวกสบายที่มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วต้องนำเข้าจากต่างประเทศ (ส่วนรั่วไหล) โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย
หากพิจารณาให้ดีแล้วภาพเหล่านี้เหมือนตัวสะท้อนเหตุการณ์ใน “อดีต” และไม่แน่ใจว่าเป็นเหตุการณ์ ณ “ปัจจุบัน” ของราชอาณาจักรไทยด้วยหรือไม่ หากมองในแง่ดีแล้วผู้เขียนหวังว่าลักษณะเหล่านี้ของคนไทยมีแนวโน้มที่ลดลง
ชื่อภาพ – ร่วมใจสองมือสองสาวลาว
คำอธิบาย – ยามเย็นหลังจากที่ผู้คนท้องถิ่น หรือชาวลาวเองนั้นเสร็จสิ้นจากการทำงาน รวมถึงแม่ค้าตลาดสดที่หมดหน้าที่ขายของไปโดยปริยาย ด้วยที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้ทยอยกลับบ้านเพื่อหุงหาอาหารสำหรับสมาชิกครอบครัวทุกคน
สองสาวลาวตัวน้อยผู้มีใจเอื้ออารีย์ กำลังใช้สองมือของทั้งสองคนร่วมใจกันช่วยหิ้วตะกร้าบรรจุสินค้าสำหรับขาย ณ ตลาดสด ที่เหลือในวันนั้นของมารดามุ่งตรงสู่บ้านของทั้งสองก่อนที่ตะวันจะลับขอบฟ้า และเริ่มหุงหาอาหารเช่นเดียวกับครอบครัวส่วนใหญ่อื่นๆ เว้นเสียแต่ครอบครัวที่ประกอบอาชีพในเมือง
ชีวิตของเด็กในเมืองนั้นการหุงหาอาหารนั้นต้องทำแต่เย็น โดยส่วนใหญ่แล้วก่อนห้าโมงเย็น สำหรับหลายหลายคนเริ่มเปลี่ยนวิถีชีวิตจากการหุงหาอาหารภายในครอบครัวมาเป็นการหาซื้ออาหาร ณ ร้านอาหารนอกบ้านที่เหมือนจะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เพื่อแลกกับความสะดวกสบาย รวมถึงค่าเสียโอกาสจากการที่ต้องออกไปประกอบอาชีพในยามค่ำคืน ที่มีแรงจูงใจจาก “น้ำเงิน”
ยามค่ำคืนที่เคยหลับไหลในอดีตสำหรับหลายเมือง แต่ด้วย “แสงเสียง” จากการ “พัฒนา” ทำให้บรรยากาศที่เคยหลับไหลเปลี่ยนไปเป็นความครึกครื้นสนุกสนาน ว่าไปแล้วอาจดูเหมือนทำให้คุณภาพชีวิตคนดีขึ้น ด้วยเหตุที่ว่าทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพที่เกี่ยวข้องตามมาอย่างมาก ทำให้เกิดกาเพิ่มพูน “รายได้” ที่ดูเหมือนจะเพิ่มพูนความสุข หรือที่บางคนเรียกว่าคุณภาพชีวิตสูงขึ้น
ชื่อภาพ – ไร้เดียงสาซึ่งสองสาวชาวเขาลาว
คำอธิบาย – ด้วยความพยายามเข้าถึงชีวิตผู้คนในท้องถิ่นทำให้ผู้เขียนต้องพยายามกระเสือกกระสนหาทางออกจากตัวเมืองแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่ง หลวงพระบางก็เช่นกันไม่ต่างจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นของลาว ที่กำลังเปลี่ยนผ่านเป็นเมือง ชีวิตผู้คนต่างกำลังเปลี่ยนผ่านทั้งที่รู้ตัว หรือไม่รู้ตัว แต่เกิดจากการกระทำโดยรวมของเขาเหล่านั้น และคนภายนอกที่เข้ามา มากกว่านั้นหลวงพระบางยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวลำดับหนึ่งของประเทศ หากพิจารณาจากจำนวนนักท่องเที่ยว เห็นได้ชัดว่าจากตัวอย่างข้อมูลของจำนวนเที่ยวบินมุ่งสู่หลวงพระบางมีมากถึง 17 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งมากกว่าเมืองหลวง หรือนครเวียงจันทร์
กว่า 15 กิโลเมตรจากตัวเมืองหลวงพระบาง ผ่านเจ้ารถถีบสองล้อด้วยค่าเช่าวันละ 250 บาท ยืนยันได้ว่านี่คือราคาที่ผ่านการต่อรองแล้ว (ค่าเช่ารถจักร หรือรถมอร์เตอร์ไซน์ในบ้านเรานั่นเอง อยู่ที่ วันละ 1000 บาท ต่อรองอย่างมากได้ 800 บาท) ผ่านหมู่บ้านต่างๆ ระหว่างสองข้างทาง ด้วยความสามารถของผู้เขียนที่ในเบื้องต้นแล้วตั้งใจว่าจะปั่นให้ถึง 20 กิโลฯ (ขาเดียว) แต่ก็เห็นทีจะไม่เป็นผล ทำได้เพียง 15 กิโลเมตร แล้วจึงตัดสินใจทำการพักผ่อนแวะพักกินเฟ๋อ (ก๋วยเตี๋ยวลาว) อยู่ ณ ร้านค้าเดียวประจำหมู่บ้าน
ระหว่างที่กำลังลิ้มลองรถชาติเฟ๋อ ณ ร้านค้าในหมู่บ้านชาวเขาที่ดูเหมือนจะไม่อร่อยเท่าที่ควรในความรู้สึกของข้าพเจ้า ได้มีสองเด็กสาวชาวเขาลาวเดินลงมาจากบ้านของตนเอง ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของร้านค้า ท่าทีของเธอทั้งสองดูเหมือนเป็นการเดินเล่นอย่างไร้จุดหมายอื่นใด นอกเหนือจากความสนุกสนาน หรือกล่าวได้ว่าช่างเป็นความไร้เดียงสาตามประสาเด็กทั่วไปในโลกใบนี้
ความสนุกสนานของสองเด็กสาวชาวเขาลาวทั้งสอง ที่เกิดจากความไร้เดียงสาภายในจิตใจของทั้งสอง ถูกส่งผ่านออกมาผ่านสีหน้า รอยยิ้ม ท่าทางอย่างเห็นได้ชัด ช่างแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากเด็กที่อาศัยในเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงพระบางที่ห่างออกไปเพียง 15 กิโลเมตรเอง ที่ความไร้เดียงสาต้องถูกพรากจากตัวพวกเขาเหล่านั้นไปก่อนวัยอันควร พร้อมกับการเข้ามาของปัจจัย และเงื่อนไขที่หลากหลายจากกระแสโลกาภิวัฒน์
ความไร้เดียงสาที่ถูกพรากไปก่อนวัยอันควรของเด็กหลายหลายคนที่อาศัยในตัวเมือง ด้วยศักยภาพ หรือความสามารถของ “เงิน” ถูกทดแทนด้วยกิจกรรมหลายหลายอย่าง อาทิเช่น
การเลิกเรียนในตอนกลางวันสำหรับคนที่ต้องทำงานในตอนกลางใน ตามร้านอาหารปกติทั่วไป รวมถึงที่พักในรูปแบบต่างๆที่มากขึ้นทุกวัน
การเลิกเรียนสายสามัญ เนื่องมาจากสายตาสั้นที่มองเห็นผลตอบแทนระยะสั้น กับรายได้ตัวเงินที่น้อยของครอบครัว มากกว่านั้นด้วยข้อบังคับของรัฐที่ต้องมีการรับรองความสามารถทางภาษาก่อนเข้าทำงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทำให้ต้องออกมาเรียนภาษาต่างถิ่น เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศษ ญี่ปุ่น รวมถึงจีนตามโรงเรียนเอกชนสอนภาษาที่เกิดขึ้นจำนวนมากในห้าปีที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ด้วยค่าเรียนแต่ละโปรแกรมที่เริ่มต้นตั้งแต่ 2000 – 8000 บาท ระยะเวลาประมาณสามเดือน
การเที่ยวกลางคืนตามสถานบันเทิงรูปแบบต่างของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ถือว่าเป็นเรื่องปกติของชีวิตเด็กเมืองส่วนใหญ่ที่สามารถหารายได้ตัวเงินได้เอง
เป็นต้น
ชื่อภาพ – สองสาวลาวแลกเปลี่ยน
คำอธิบาย – บรรยากาศยามเช้าตรู่บริเวณใกล้เคียงของตลาดในแต่ละเมืองเต็มไปด้วยเสียงของผู้คนมากมายกำลังต่อรองราคาสินค้า เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้ากับตัวเงิน พบเห็นได้ทั่วไปในตลาดเกิดใหม่เกือบทุกแห่ง มากกว่านั้นในประเทศที่พัฒนาแล้วการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงสินค้าทางการเงินที่สมมติขึ้นสามารถทำการซื้อขายในตลาดที่มีการพัฒนาซับซ้อนมากขึ้น อาทิเช่น ตลาดอนุพันธ์ ตลาดตราสารหนี้ เป็นต้น ซึ่งรูปแบบมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมทีนั้นมนุษย์แลกเปลี่ยนสิ่งของ ปัจจัยการผลิต (แรงงาน ความรู้) หรือสินค้ากันโดยตรง
สองสาวลาวในรูปก็เช่นกัน คนหนึ่งที่เป็นเจ้าของไก่กำลังงุ่นง่านกับการจัดการไก่ให้อยู่ในสภาพที่สะดวกในการเคลื่อนย้ายสำหรับลูกค้า ซึ่งยืนอีกฟากหนึ่งที่กำลังงุ่นง่านไม่แพ้ผู้ขายในการจัดเตรียมเงินเพื่อซื้อไก่ตามมูลค่าที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้า เงินใช้กันตามมูลค่าที่ตกลงกันนี้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า และปัจจัยการผลิตได้สะดวกสบายขึ้น (ต้นทุนการเข้าถึง รวมกับต้นทุนสะสมของสินค้า) นั่นสามารถอธิบายให้ชัดเจนขึ้น ดังนี้คือ ในทางผู้ขาย หรือผู้ผลิตไก่ ต้องตั้งราคาของไก่โดยคิดรวมเอา ต้นทุนสะสมอันได้แก่ ค่าอาหาร ค่าแรงงานที่จ้างตัวเอง ค่าคอก ค่ายา ค่าซ่อมแซม รวมถึงค่าเสื่อมราคาปัจจัยการผลิต ค่าขนส่ง ค่าปัจจัยการผลิตอื่น เป็นต้น ต้นทุนการเข้าถึง ได้แก่ ค่าของการได้มาซึ่งความรู้ในการเลี้ยง ดูแล รวมถึงการตลาด ความรู้ในการได้มาของไก่ เครือข่ายของผู้เลี้ยงไก่ เป็นต้น
ในทางผู้ซื้อไก่ หรือผู้บริโภคนั้นต้องพึงพอใจที่จะซื้อไก่ ณ ราคาสมเหตุสมผลราคาหนึ่ง ตามการรับรู้ในอดีต (ต้นทุนบริโภคสะสม) ของแต่ละบุคคล ผ่าน “เงิน” ที่ได้มาจากการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งของผู้ซื้อที่ต้องใช้ปัจจัยการผลิตต่างๆ อาทิเช่น แรงงาน ที่ดิน เครื่องจักร หรือความรู้ เป็นต้น
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าในความเป็นจริงราคาของสินค้าต้องสะท้อนเท่ากับต้นทุนตามที่กล่าวมาข้างต้น ในความเป็นจริงพบว่าในตลาดเกิดใหม่ หรือประเทศที่เปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจแบบตลาดนั้น กลไกราคายังทำงานไม่สมบูรณ์ ไม่สมเหตุสมผล หรือกล่าวได้ว่ายังไม่สะท้อนภาระต้นทุนต่างๆ เช่น หลายหน่วยการผลิตของประเทศ หรือตลาดใหม่เหล่านี้ ไม่สามารถรวมเอาต้นทุนค่าเช่าทางเศรษฐกิจ อาทิ เช่น การจ้างงานตัวเอง ค่าเช่าการใช้ประโยชน์จากที่ดิน บ้านของตนเอง น้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะ อาหารจากธรรมชาติ เป็นต้น ในทางกลับกันสินค้าที่นำเข้าส่วนใหญ่แล้วนำเข้าจากประเทศที่เปลี่ยนผ่านมาก่อนหน้านี้ อาทิเช่น ประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนาอื่น เป็นต้น ซึ่งกลไกราคาค่อนข้างทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง และในบางประเทศทำงานจนที่เรียกว่า “เฟ้อ” จนเกินไป ทำให้ราคาสินค้าที่เห็นอยู่สูงกว่าราคาต้นทุนที่แท้จริง
ดังนั้นกล่าวได้ว่าในประเทศที่เร่ิมต้นเปลี่ยนผ่านสู่ระบบตลาดอย่างลาวนั้น ราคาสินค้าที่ผลิตได้เองในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าความเป็นจริง นำไปสู่ผลตอบแทนในระดับต่ำสู่คนท้องถิ่น หรือชนในชาติ ขณะที่ราคาสินค้าที่ต้องนำเข้านั้นอยู่ในระดับสูงกว่าความเป็นจริง นำไปสู่ผลตอบแทนระดับสูงสู่ผู้ผลิตต่างชาติ อย่างที่เราเคยเป็นมาในอดีต ระยะเวลาเริ่มต้นเปลี่ยนผ่าน เราต้องประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติที่ตั้งเป้าหมายการพัฒนา โดยการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า
ชื่อภาพ – สองสาวรอคอยการกลับมา
คำอธิบาย – นอกเหนือจากการพัฒนาในสิ่งต่างๆไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว และได้รับการประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจด้านดีนี้เป็นส่วนใหญ่ ในทางกลับกันการพัฒนานั้นได้ทำให้การดำเนินไปของสิ่งต่างๆมากมายเป็นไปในทิศทางที่แย่ลง สาเหตุหลักนั้นมาจากเงื่อนไขของธรรมชาตินั่นเอง และรวมถึงมนุษย์ด้วย เพื่อที่จะให้เข้าใจอย่างชัดเจนมากขึ้น เงื่อนไขที่ว่านี้ คือ ขีดความสามารถในการดำรงอยู่ สำหรับมนุษย์เองแล้ว คือ ขีดความสามารถในการกระทำกิจกรรมบางอย่าง ในขณะเดียวกันถูดทดแทนด้วยอีกกิจกรรมหนึ่ง หรือหลายกิจกรรมซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ภาพสองสาวลาวน้อยที่ปรากฎข้างบน หากพิจารณาแล้วดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอทั้งสอง แต่จากการสังเกตความเป็นไปของครอบครัวนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้ประจักษ์ เข้าใจหลายสิ่งที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่อีกความเป็นไปหนึ่ง วูบแรกที่ได้เห็นสองสาวลาวน้อยนั้นรู้สึกว่าช่างเป็นเด็นที่น่ารักอีกคู่หนึ่ง บนระเบียงบันไดที่มีฉากหลังเป็นจานดาวเทียมเพื่อการรับรู้ความเป็นไปภายนอก ที่นำไปสู่การคาดการณ์และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่อไป
ในความน่ารักของทั้งสอง หากพิจารณาดูนัยย์ตาของทั้งสองให้ดีแล้ว พบว่า ไม่ได้แสดงออกซึ่งความสุข หรือความสนุกสนาน แต่กลับสะท้อนความเศร้าหมองที่ดูเหมือนจะสะสมมานานพอในระดับหนึ่ง เธอทั้งสองดูเหมือนจะนั่งรอคอยบางสิ่งบางอย่างอย่างไร้จุดหมาย หันซ้ายแล้ว หันขวาแล้ว ก็ยังหันสลับไปมาอย่างนั้น ซึ่งเป็นภาพที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากสองเด็กสาวชาวเขาลาวในภาพก่อนหน้า
หลักจากการเฝ้าสังเกตการณ์พักนึงในเวลาใกล้ค่ำ ได้พบว่า แม่ของเธอได้เดินทางกลับมาจากการประกอบอาชีพอย่างสุจริต (หรือป่าว) ในเมืองที่ที่ให้โอกาสในการหารายได้เลี้ยงครอบครัว ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านทั้งประเทศ ด้วยเหตุนี้ยิ่งตอกย้ำให้ข้าพเจ้าตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ผู้คนส่วนใหญ่เพิกเฉย หรือละเลย (เน่ืองจากคงมีเหตุผลพอที่จะคิด ตัดสินใจได้ แต่เลือกที่จะเพิกเฉย แล้วกระทำการในทิศทางอื่น)
ครอบครัว ความเป็นอยู่ภายในครอบครัวมีความสำคัญไม่น้อยกว่าความเป็นอยู่นอกครอบครอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ทำงาน ยิ่งหากครอบครัวที่มีผู้คนหลายรุ่น ก่อนที่เปลี่ยนผ่าน โดยทั่วไปแล้วครอบครัวทางเอเชียจะอาศัยเป็นครอบครัวเชิงผสม คือ มีความเป็นครอบครัวใหญ่ อาศัยรวมกันมากกว่า 2 ชั่วอายุคน ครอบครัวเหล่านี้ต้องการการลงทุนอย่างจำเป็นยิ่ง ไม่ต่างจากการทำงาน หรือประกอบธุรกิจ การลงทุนนี้ต้องใช้ปัจจัยทุนหลายอย่าง อาทิเช่น เวลา อาหาร เงิน การศึกษา แรงงาน มนุษยสัมพันธ์ การรักษาพยาบาลทางกาย รวมถึงการรักษาพยาบาลทางใจ เป็นต้น
การพัฒนาโดยเฉพะในช่วงการเปลี่ยนผ่านของสังคม ทำให้เกิดปัญหาภายในครอบครัว (ปัญหาของทุนมนุษย์) ได้อย่างมาก เช่น
การละทิ้งเด็ก คนชราไว้ตามบ้านในชนบท หรือสถานรับเลี้ยงในเมือง รวมถึงบ้านพักคนชรา (ว่าไปแล้วการพัฒนาได้สร้างนวัตกรรมทางสังคมหลายอย่าง อาทิเช่น บ้านพักคนชรา สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน เป็นต้น)
การละทิ้งผู้พิการ และทุพพลภาพ
การละทิ้งชนบท เข้าสู่เมือง
การละทิ้งความสัมพันธ์ครอบครัวเชิงผสม สู่ความสัมพันธ์ครอบครัวเชิงเดี่ยว
การละทิ้งการพัฒนาในชนบท ซึ่งเป็นที่มาของผู้มีอำนาจในการจัดการทรัพยากร (เพราะเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้ได้มา)
การมุ่งสู่เมืองของเด็ก คนชรา จากการที่ถูกละทิ้ง
การมุ่งสู่เมืองของผู้พิการ และทุพพลภาพ จากการที่ถูกละทิ้ง
การมุ่งสู่เมืองของทุกสิ่ง เพื่อรวมตัวกันสร้างอำนาจต่องรองเรียกร้องผลประโยชน์ รวมถึงการเรียกร้องความเข้าใจ ความเห็นใจ รวมถึงใช้บริการจากนวัตกรรมทางสัมคมต่างๆ เช่น สถานรับเลี้ยงต่างๆ รวมถึงสถานรับเลี้ยงนักโทษ หรือเรือนจำ
การกระจุกตัวความเจริญ และความเสื่อมในเมือง ที่ภาพรวมดูเหมือนดำเนินไปได้ของมันเอง และรอวันล่มสลายไปพร้อมกัน
ชื่อภาพ – สองสาวลาวรอผู้ซื้อใจดี
คำอธิบาย – การเปลี่ยนผ่านประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการปกครองแบบสังคมนิยม สู่การปกครองโดยระบบเศรษฐกิจแบบตลาด หรือทุนนิยมนั้น พบว่า ธุรกิจที่เติบโตได้ดีในช่วงแรกๆนั้นคือ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ด้วยสาเหตุหลักจากความเหลือเฟือของทรัพยากรธรรมชาติ ที่เหลืออยู่อันน้อยนิดในโลกใบนี้ รวมถึงทรัพยากรทางสังคมที่มีรูปแบบคงเดิมอยู่มาก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสหลัก กอปรกับการถวิลหาต้องการของที่มีอยู่น้อยนิดเหล่านี้ในช่วงเวลาของการพักผ่อน และต้องการเรียนรู้คำว่า “ธรรมชาติ” โดยเฉพาะอย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว
การไหลเข้าของชนต่างชาติจำนวนมากในประเทศเหล่านี้ พร้อมกับการอ้าแขนเปิดรับจึงไม่ใช้เรื่องแปลก แต่ทุกคนต่างชอบของแปลกตรงที่ว่า ชนต่างชาตินั้นชอบ หรือต้องการเสพบรรยากาศ ทิวทัศน์ ทรัพยากรธรรมชาติที่แปลก วัฒนธรรมประเพณี ความเป็นไปของชนในชาติที่แปลก ในทางกลับกันชนในชาติชอบ หรือต้องการเสพบรรยากาศของเงิน วัตถุที่แปลก รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ทั้งสองฝั่งจึงบรรจบกันด้วยความพอใจที่ดี
สองสาวลาวครอบครัวเดียวกันในรูปที่กำลังเปล่ียนผ่านจากอาชีพเดิมมาเป็นแม่ค้า จึงไม่ต่างจากหนุ่มสาวลาวผู้อื่น ที่ต้องการเสพบรรยากาศของการมีเงิน เพื่อที่จะนำไปแลกกับการเสพวัตถุ เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ เธอทั้งสองขมักเขม้นกับการจัดแจงเตรียมสินค้า โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นผ้าทอด้วยไหมหลากหลายชนิด นำมาเปลี่ยนแปรรูปให้มีความหลากหลายตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคชนต่างชาติ ที่มีรสนิยมชอบของแปลกเช่นกัน การจัดแจงของต้องทำไปด้วยความเร่งรีบเนื่องจากสถานที่เรียกว่าตลาดนี้เดิมทีกลางวันนั้นใช้เป็นถนนในการสัญจรของยานพาหนะ ในช่วงของเวลากลางคืนถูกเปลี่ยนเป็นตลาดกลางคืน พวกเธอเหล่านี้จึงมีเวลาน้อยในการจัดแจงเตรียมสินค้าเพื่อที่จะให้เสร็จทันก่อนที่ลูกค้าชนต่างชาติเริ่มออกจากที่พักออกมาหาอาหารยามค่ำคืน พร้อมกับการเลือกซื้อของแปลกเหล่านี้ติดไม้ติดมือกลับบ้าน มากกว่านั้นพวกเธอที่เป็นแม่ค้าด้วยกันเองยังต้องเร่งรีบเตรียมสินค้าเนื่องจากว่าใครที่สามารถจัดแจงเสร็จเรียบร้อยก่อน นั้นหมายถึงว่า โอกาส ในการสร้างรายได้ กำไรนั้นมีมากกว่าคนอื่น และคาดหวังว่าจะได้รับรายได้มากกว่าแม่ค้าคนอื่นที่ยังจัดแจงไม่เสร็จ
บนตลาดกลางคืนในยามค่ำนั้นจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวชนต่างชาติ และแม่ค้าในร้านค้าจำนวนมาก นั่นไม่ได้หมายความว่าแม่ค้าทุกคนจะสามารถขายของได้ และในทางกลับกันไม่ได้หมายความว่านักท่องเที่ยวชนต่างชาติทุกคนที่มาแวะเวียนจะซื้อของในตลาดกลางคืนแห่งนี้ ดังนั้น แม่ค้าชาวลาวทุกคนต่างคาดหวังว่าจะมีผู้ซื้อชนต่างชาติใจดีสักคนที่เลือกสินค้าภายในร้านของเธอ ไม่เสียแล้วนั้นต้องกลับบ้านไปเจอสมาชิกในครอบครัวมือเปล่าอย่างผิดหวัง ปราศจากเงินติดไม้ติดมือกลับบ้าน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าความผิดหวังนี้จะทำให้พวกเธอไม่สามารถยืนบนลำแข้งของตนเองได้ ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจว่าพวกเธอเหล่านี้จะหมดภูมิคุ้มกันที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุคนจนไม่สามารถพึ่งตนเองได้หรือไม่
เรื่่่องราวน่าสนใจดี แต่ทำไมตัวอักษร…. ข้อความกระจัดกระจาย จนทำให้ขาดความเพลิดเพลินในการอ่าน
ผมว่าความสะดวกสบาย(หรือความอะไรก็ตามที่เราซื้อ เช่นความหรูหรามีหน้ามีตา ประสบการณ์แปลกใหม่ อัตตาทั้งหลาย) นี่ก็อาจจะเป็นสิ่งเสพติดชนิดหนึ่งเหมือนกันนะครับ เราต้องการเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็เพื่อที่จะทำให้เราสะดวกสบายขึ้น ก็เลยทำให้ผู้คนไขว่คว้าหาเงินทองด้วยวิธีการต่างๆนาเพื่อจะได้นำไปซื้อสินค้าบริการที่จะนำมาซึ่งความสะดวกสบายนั้น แต่บางทีผมก็สงสัยว่าเงินที่เราจ่ายออกไปซื้อสินค้าที่ ถึงแม้มันจะให้อรรถประโยชน์(Utility)แก่เราในปริมาณที่ไม่น้อยกว่าเงินจำนวนนั้นที่เราจ่ายออกไป จะเติมความสุขให้เราในระยะยาวแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อเรามองว่า”Utility is not Happiness” (but what’s happiness?)
(ซึ่งจริงๆ บางทีผมก็หงุดหงิดกับไอ้ทฤษฎีอรรถประโยชน์ เพราะเราไม่ได้ทำทุกอย่างด้วยความrational และ ก็อาจจะไม่ไ้ด้ได้รับอรรถประโยชน์นั้นจริงๆเมื่อเวลาผ่านไป เช่น กินไอติมแต่ทำให้อ้วน เป็นโรค ซื้อผักกินแล้วดันเจอไข่พยาธิ ฮ่า ฮ่า (นักเศรษฐศาสตร์ในเว็บคนไหนจะแก้ตัวให้ก็เชิญนะครับ))
การได้มาซึ่งUtilityส่วนเกินจากการซื้อสินค้าหนึ่งๆนั้น ให้ความร่ำรวยความสุขในระยะยาวของชีวิตคนๆหนึ่งอย่างไร มันทำให้เพิ่ม หรือทำให้ลดกันแน่ เข้าใจว่าเต้ก็กำลังสื่อสิ่งนี้ออกมาให้เรา โดยชวนให้ตั้งคำถามว่า เงินให้อรรถประโยชน์ แต่ อรรถประโยชน์ ให้ความสุขที่แท้จริงรึเปล่า หรือกลับทำให้คนเสพติด และละทิ้งความสุขในระยะยาวครับ
ว่าแล้ว เดี๋ยวผมขอขับรถไปซื้อกาแฟอร่อยๆ กับเติมน้ำมันก่อนละกันนะครับ ฮ่า
คุณกอไผ่
ความจริงผมว่ามันก็อาจจะเป็น styleนะครับ ต้องอ่านยากนิดนึง ถึงจะเป็นเต้ครับ
คือให้คิดซะว่า เป็น Filter คัดกรองเอาเฉพาะผู้อ่านที่สนใจจริงๆละกันครับ ฮ่า ฮ่า แซวเล่นนะครับคุณเต้
พักเที่ยง อุตส่าห์ไม่ไปกินข้าว มานั่งอ่านเลยนะเน๊ยะ
… เม้น มีหลักการไม่เป็นฮะ
เอาเป็นว่า สิ่งที่ถ่ายทอดออกมามีค่ามากกว่าของฝากอีก ^^
(คิดเป็นแค่นี้อะ)
Big Thanks !!
ขอบใจ และรับไว้สำหรับคำแนะนำของทุกคนครับ
เพื่อการปรับปรุงต่อไป
จากความคิดเห็นลำดับแรกของคุณกอไฝ่ ทำให้ข้าพเจ้าได้กลับมาใครครวนอย่างถี่ถ่วนอีกครั้งถึงสาเหตุของความไม่เพลิดเพิลนที่ท่านกล่าวถึง
ในความเห็นของข้าพเจ้าเข้าใจว่ามาจากการแบ่งประโยค ซึ่งเราขาดเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างผู้เขียน (ผู้ส่งสาร) ไปยังผู้อ่าน (ผู้รับสาร) มีความชัดเจนมากขึ้นตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ส่งสาร
เข้าใจว่า “เครื่องมือ” ที่กล่าวถึงนี้ คือ เครื่องหยุดประโยค
สำหรับภาษาไทยแล้ว โดยเฉพาะในการเขียนนั้น หากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เรายังขาดสิ่งที่ทำหน้าที่หยุดใจความ และอารมณ์ นั่นคือ ตัวหยุดประโยค หรือ Full stop ในภาษาอังกฤษ
หลายท่านอาจสงสัยกับตัวจุดในภาษาไทย หรือมหัพภาค มันน่าจะหมายถึงตัวหยุดประโยค
แต่จากการตรวจสอบแล้ว พบว่า เราไม่มีสัญลักษณ์ที่ให้สัญญาณของการหยุดประโยค รวมทั้งตัวมหัพภาคเองไม่ได้ทำหน้าท่ีหยุดประโยคอย่างที่เข้าใจกัน
ดังนี้
ใช้ประกอบกับอักษรย่อต่างๆ บางครั้งอักษรย่อก็ไม่ปรากฏมหัพภาค ซึ่งจะเป็นอักษรย่อที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว
ก.พ. (กุมภาพันธ์)
Co.,Ltd. (Company Limited = บริษัทจำกัด)
ใช้เป็นสัญลักษณ์เพื่อบ่งบอกหัวข้อลำดับที่ สามารถใช้ซ้ำเมื่อมีหัวข้อย่อย
1. เครื่องหมายวรรคตอน
1.1 การใช้งานเครื่องหมายวรรคตอน
1.1.1 มหัพภาค
ก. ข. ค. ง. ฯลฯ
ใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงเลขทศนิยม อ่านว่า จุด ดูเพิ่มที่ จุดทศนิยม
ค่าคงที่ พาย (π) มีค่าประมาณ 3.1428
ในทางคอมพิวเตอร์ มหัพภาคสามารถใช้เป็นตัวแบ่งโดเมน ไอพี และนามสกุล (ประเภท) ของแฟ้มคอมพิวเตอร์
th.wikipedia.org , http://www.google.co.th
202.28.179.3 , 203.152.5.10
autoexec.bat , config.sys , photo.jpg , report.doc
ประเด็นที่น่าสนใจคือ
ใช้เติมหลังประโยคหรือย่อหน้า เพื่อแสดงว่ากล่าวจบแล้วในภาษาอังกฤษ และบางครั้งในภาษาไทย[1]อย่างไรก็ตาม ภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่นใช้สัญลักษณ์วงกลมเล็กแทนจุดทึบในการจบประโยค คือ 。 (U+3002)
This is a book.
คำว่า “บางครั้งในภาษาไทย” นั้นหมายถึงโอกาสไหน อย่างไร
หากพิจารณาแล้วช่างน่าสงสัยงงงวยอยู่ไม่น้อย
ต้องฝากไว้ให้ผู้รู้ชี้แนะต่อไป
อ้างอิง
ศ. ดร.กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิต ประเภทวรรณศิลป์, เครื่องหมายมหัพภาค
i have 3 topics
Firstly, to Tae: give 2 bid thumbs for ur pictures and its inspiration (i’m not guilty to say: i do not read all of ur column but i can feel about it!)
Secondly, to Kor-PAi: sometimes and something feel hard or uninterested b’coz of its new and advance too much, however in case of Tae ==> i agree with u 555 (just kidding na tae)
Thirdly, to Paeng: happiness is use “i” in word not “y” b’coz happiness depend on i (i mean you too!) so don’t find happiness outside urself, Economist of budhism say: “happiness = Supply/Demand main steam economist want to push supply up but in our perspective we have to pull down the demand of ourself”
on the other hand, i have to protect my own main steam theory 555 ==> in fact, we do not face certain utility choices but we are always forced to choose uncertainty utility choice so you can eat parasite (but u never know it when you choose it), in conclusion it’s not failure of utility theory but it’s failure of 1) info 2) ur perspective (all of u and me too always myopia!!!)
“happiness = Supply/Demand main steam economist want to push supply up but in our perspective we have to pull down the demand of ourself” อืมมมม ขอบคุณครับ อืมมมม hapiness = supply/demand อืมมมม
ใช่ครับ คุณแบงค์ ผมผิดเอง มานึกได้ตอนขับรถไปกินกาแฟ จะผิดก็เป็นที่ assumptions ใช่ๆๆ
แล้วจารย์แบงค์เป็นพวก main stream รึเปล่าครับ?
555 in reality i’m hybrid economist, so i can debate in widely frame work than main steam or anti-main steam. just depend on current situation, for example i can debate with heterodox concept among the marxian as smooth as i can lecture about perfect rationality theory of Chicago school b’coz i have no imagine jail. how about u? friend!
คุณเต้ครับ ผมยังรออ่านของคุณเต้อยู่นะครับ รีบๆมาเขียนนะโว้ยครับ
อยากรู้ว่าถ้าไปเที่ยวอย่างเป็นทางการเนี่ย ต้องพกเงิน ไปเท่าไร ทั้งค่ารถค่าเที่ยว รวมทั้งหมดประมาณให้หน่อยคับ แล้ว ถ้าแบบจ้าง คนนำทางด้วยเนี่ย เออ สำคัญที่ตัวเิงินเนี่ยแหล่ะ ว่าจะพกไปเท่าไร จะ่ใช้จ่ายทั้งหมดประมาณเท่าไร
ตอบกลับทาง เมลล์ด้วยนะครับ ^_^ อยากไป อยากไปได้เมียทางนั้นอยู่นั่นเลยหล่ะคับ ^^ ชอบวัฒะธรรม ความเจริญที่ยังไม่ไกลเกินไป และ ชอบความดี ที่ยังไม่เสื่อมไปเหมือนบ้านเรา บ้านเรามันเสื่อม จะหมดแล้วอ่ะคับ – – อยู่ไม่ไหว
อยากรู้ว่าถ้าไปเที่ยวอย่างเป็นทางการเนี่ย ต้องพกเงิน ไปเท่าไร ทั้งค่ารถค่าเที่ยว รวมทั้งหมดประมาณให้หน่อยคับ แล้ว ถ้าแบบจ้าง คนนำทางด้วยเนี่ย เออ สำคัญที่ตัวเิงินเนี่ยแหล่ะ ว่าจะพกไปเท่าไร จะ่ใช้จ่ายทั้งหมดประมาณเท่าไร
ตอบกลับทาง เมลล์ด้วยนะครับ ^_^ อยากไป อยากไปได้เมียทางนั้นอยู่นั่นเลยหล่ะคับ ^^ ชอบวัฒะธรรม ความเจริญที่ยังไม่ไกลเกินไป และ ชอบความดี ที่ยังไม่เสื่อมไปเหมือนบ้านเรา บ้านเรามันเสื่อม จะหมดแล้วอ่ะคับ – – อยู่ไม่ไหว
โตคับ
อยากรู้ว่าถ้าไปเที่ยวอย่างเป็นทางการเนี่ย ต้องพกเงิน ไปเท่าไร ทั้งค่ารถค่าเที่ยว รวมทั้งหมดประมาณให้หน่อยคับ แล้ว ถ้าแบบจ้าง คนนำทางด้วยเนี่ย เออ สำคัญที่ตัวเิงินเนี่ยแหล่ะ ว่าจะพกไปเท่าไร จะ่ใช้จ่ายทั้งหมดประมาณเท่าไร
ตอบกลับทาง เมลล์ด้วยนะครับ ^_^ อยากไป อยากไปได้เมียทางนั้นอยู่นั่นเลยหล่ะคับ ^^ ชอบวัฒะธรรม ความเจริญที่ยังไม่ไกลเกินไป และ ชอบความดี ที่ยังไม่เสื่อมไปเหมือนบ้านเรา บ้านเรามันเสื่อม จะหมดแล้วอ่ะคับ – – อยู่ไม่ไหว